เมื่อเร็วๆ นี้ทาง Microsoft ได้ทำการปล่อย Microsoft Windows Server version 1709 ออกมาในฐานะของ Windows Server Semi-Annual Channel รุ่นแรก เพื่อเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับ Server ที่จะเป็นอีกทางเลือกนอกจาก Windows Server 2016 ที่เราคุ้นเคยกัน ทางทีมงาน TechTalkThai เห็นว่า Windows Server รุ่นนี้มีอะไรเปลี่ยนไปจาก Windows Server 2016 อยู่เยอะพอสมควร จึงขอนำมาสรุปเรียบเรียงให้ผู้อ่านทุกท่านได้ทำความรู้จักกับเจ้า Windows Server Semi-Annual Channel ไปพร้อมๆ กันเลยครับ
จุดกำเนิดของ Windows Server Semi-Annual Channel: Microsoft ต้องการระบบปฏิบัติการฝั่ง Server สำหรับ Cloud โดยเฉพาะจริงๆ แล้ว
ที่ผ่านมาตลาด Server นั้นตกเป็นของ Linux ซะมาก และยิ่งเติบโตรวดเร็วขึ้นไปอีกจากการมาของ Container ทำให้ Microsoft เองเห็นว่าตัวเองต้องเริ่มปรับเข้าสู่ทิศทางนี้ของตลาดแล้ว แต่เนื่องจาก Windows Server 2016 เดิมที่มีอยู่นั้นก็มีฟีเจอร์จำนวนมากสำหรับสนับสนุนการใช้งานภายในองค์กรและการรองรับ Traditional IT การจะปรับมารองรับตลาดนี้แล้วทิ้งฟีเจอร์เดิมๆ ไปนั้นก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ทำให้โครงการ Windows Server Semi-Annual Channel ถือกำเนิดขึ้นมา
Windows Server Semi-Annual Channel นี้ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กที่สุดเพื่อให้รองรับการทำงานบน Cloud ได้โดยประหยัดทรัพยากร อีกทั้งยังเน้นแนวคิดเรื่องของการอัปเดตให้ได้ถี่ที่สุดเพื่อให้ Windows Server สามารถมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ตอบรับต่อความต้องการใหม่ๆ ในตลาดได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังคงบริหารจัดการผ่านเครื่องมือเดิมๆ ที่มีอยู่ได้ ทำให้เหล่าผู้ดูแลระบบไม่ต้องปรับตัวมากจนเกินไปนัก
นอกจากนี้ Microsoft ยังได้ทำการพัฒนา Server Core และ Nano Server ให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมไปอีกสำหรับบน Windows Server Semi-Annual Channel โดย Nano Server ใน Windows Server Semi-Annual Channel จะเล็กลงจาก 390MB เหลือเพียง 80MB เท่านั้น รวมถึงยังรองรับการทำ Linux Containers ได้ผ่านทาง Hyper-V Isolation ทำให้ Windows Server Semi-Annual Channel รองรับการทำ Container ได้ครบทุกระบบปฏิบัติการที่เหล่านักพัฒนาต้องการ
รอบอัปเดตต่างจาก Windows Server 2016 ชัดเจน
หากใครติดตาม Microsoft มาในระยะหลังๆ นี้ เราจะเริ่มเห็นได้ว่า Microsoft พยายามผลักดันให้ Cycle ในการออก Release ใหม่ๆ ของแต่ละผลิตภัณฑ์สั้นลง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Windows 10 ที่จะมี Release ใหญ่ปีละ 2 รอบ และในครั้งนี้ Windows Server เองก็พยายามจะนำแนวคิดนั้นมาใช้บ้าง ทำให้เกิดเป็น Windows Server Semi-Annual Channel ขึ้นมา
อย่างไรก็ดี Microsoft ไม่สามารถทิ้งลูกค้าองค์กรกลุ่มเดิมๆ ได้ ดังนั้น Windows Server Semi-Annual Channel นี้จึงจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่คู่ขนานไปกับ Windows Server 2016 ที่มีความแตกต่างกันในแง่ของรอบอัปเดต และเทคโนโลยีพื้นฐานที่มากับระบบ เพื่อรองรับรูปแบบการนำไปใช้งานที่ต่างกันนั่นเอง
Windows Server 2016 ที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นจะถูกเรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Long-term Servicing Branch ที่จะออก Release ใหญ่ทุกๆ 2-3 ปี โดยมีการสนับสนุนหลักๆ อยู่ที่ 5 ปี และขยายต่อได้อีก 5 ปี รวมถึงมีบริการพิเศษสำหรับสนับสนุนต่อไปอีก 6 ปีภายใต้ชื่อ Premium Assurance
ส่วน Windows Server Semi-Annual Channel นี้จะเป็นผลิตภัณฑ์อีกกลุ่มที่ถูกออกแบบมาตอบโจทย์ตลาด Cloud ดังนั้นจึงต้องมีการปรับตัวที่ค่อนข้างเร็ว และจะมี Release หลักปีละ 2 รอบ โดยแต่ละ Release จะมีรอบการสนับสนุนอยู่ที่ 18 เดือน เป็นการบังคับกลายๆ ให้ผู้ใช้งานต้องทำการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง หรือเปลี่ยนไปใช้ Container เพื่อให้อัปเดต Infrastructure แล้วค่อยย้ายระบบไปแทน
ชื่อรุ่นของ Windows Server Semi-Annual Channel นี้จะตั้งตามปีและเดือนที่ถูกปล่อยออกมา เช่น Windows Server 1709 นี้ก็ถูกปล่อยออกมาในปี 2017 เดือน 9 เป็นต้น ส่วนรุ่นถัดไปคือ Windows Server 1803 ก็จะถูกปล่อยออกมาปี 2018 เดือน 3 นั่นเอง
Windows Server version 1709 เน้นรองรับ Container, DevOps เป็นหลัก เตรียมตัด GUI ทิ้ง
ภายใน Windows Server version 1709 ได้มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้
- รองรับ Nano Container และ Server Core Container อย่างเต็มตัว
- รองรับ Server Core as a Container and Infrastructure แล้ว
- ปรับปรุง VM Load Balancing ให้ดีกว่าเดิม โดยมี OS Awareness และ Application Awareness เพิ่มเข้ามา
- สนับสนุน Storage-class Memory ให้กับ VM โดยรองรับการใช้ Non-volatile DIMM ต่อตรงแบบ Direct Access เข้ากับ Hyper-V VM ได้
- รองรับ Virtualized Persistent Memory (vPMEM)
- รองรับ Persistent Storage สำหรับ Container ด้วย Clustered Shared Volumes (CSV) และ SMB Global Mapping
- พยายามตัด Desktop UI ออก ให้ผู้ใช้งานบริหารจัดการผ่านทาง PowerShell, API และ Project Honolulu บน Browser แทน
- ทำการเข้ารหัส Network ได้ตาม Segment
- รองรับการใช้ Host Guardian Service (HGS) ใน Shielded VM แล้ว
- สนับสนุนการใช้ Linux as a Shielded VM ได้
- รองรับการทำ Test Failover สำหรับ Storage Replica และบริหารจัดการผ่าน Project Honolulu ได้
- ปิด SMBv1 และ Guest Authentication พร้อมรองรับ SMBv2/v3 ดีขึ้น
- ทำ Data Deduplication บน ReFS ได้ พร้อมมี DataPort API
- มี RDS ให้ใช้แล้วใน Azure AD
ส่วนผู้ที่ต้องการใช้งานสามารถทำการติดตั้งใหม่แบบ Clean Install ได้เท่านั้น ไม่สามารถอัปเดตมาจาก Windows Server 2016 ที่มีอยู่เดิมได้ครับ โดยสามารถโหลด Image ได้ที่ https://www.microsoft.com/Licensing/servicecenter/default.aspx หรือรอใช้บน Microsoft Azure ก็ได้เช่นกันครับ
ที่มา : techtalkthai