ในการทำธุรกิจส่วนใหญ่มักจะใช้ Email ไว้เพื่อแจ้งโปรโมชัน ข้อมูลข่าวสารของทางแบรนด์ รวมถึงส่วนลดพิเศษซึ่งส่งผลให้สามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้นหลายเท่าตัวบางแบรนด์อาจส่งส่วนลดให้เฉพาะ Email List หรือ กลุ่มสามาชิกของตัวเองเท่านั้นไม่ได้แจกจ่ายให้กับลูกค้าคนอื่น ๆ ทั่วไป ถ้าเกิดว่าลูกค้าคนไหนที่อยากได้ความใกล้ชิดกับแบรนด์แบบพิเศษสุดๆ Exclusive แบบนี้ก็ต้องยอมกรอกแบบฟอร์มมาเป็น Email List หรือสมัครเป็นสามาชิกของแบรนด์นั้นๆ บอกเลยว่ามีแต่ได้กับได้วันนี้เราเลยคัดจุดแข็งในการทำ Email Marketing คัดมาเน้นๆไม่เห็นแม้จุดอ่อนกันเลยทีเดียว
จุดแข็งที่1 สะดวก / รวดเร็ว
Email Marketing เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราประหยัดเวลาในการทำงานได้อย่างมาก เพราะสามารถส่งถึงผู้รับหลาย ๆ คนได้ในคลิกเดียว และส่งถึงผู้รับทันทีในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงยังสามารถตั้งเวลาส่งได้ ถ้าหากว่าเราจำเป็นต้องส่งโปรโมชั่นเด็ดๆไปทางอีเมลให้ลูกค้าในวันหยุด ทำให้สามารถประหยัดเวลาในการทำงาน และไม่รบกวนเวลาส่วนตัวได้อีกด้วย
จุดแข็งที่2 ควบคุมค่าใช้จ่าย
จากสถิติข้อมูลที่ได้ทำการค้นคว้ามาได้พบว่า Email Marketing มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับการทำตลาดในรูปแบบอื่น ๆ หรือโฆษณาประเภทต่าง ๆ และสามารถกำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างแน่นอน เช่น ถ้าเรามีข้อมูลอยู่แล้วว่าลูกค้าคนไหนที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการเราไปแล้ว เราก็สามารถสร้างแคมเปญที่เข้ามาช่วยชักชวนดึงดูดใจให้พวกเขากลับมาซื้ออีกครั้งได้ นั่นหมายความว่าธุรกิจหรือแบรนด์เราก็จะสามารถได้เงินเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ต้องทำการจ่ายเงินเพื่อหาลูกค้าใหม่ ๆ อีก
จุดแข็งที่3 แบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด
จากข้อมูลที่ลูกค้าได้ทำการ Subscribe เพื่อยอมรับและติดตามข่าวสารของเราผ่านอีเมลแล้วทำให้เราสามารถแยกประเภทของกลุ่มลูกค้าได้ง่ายทากขึ้นส่งผลให้ข้อมูลที่จะส่งไปหาผู้รับแต่ละคน หรือแต่ละกลุ่มแต่ละประเภทนั้นนั้นตรงจุดตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
จุดแข็งที่4 ติดตามผล / วัดผล
เครื่องมือตัวช่วยส่งอีเมลสมัยนี้มีข้อดีหลายอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “การติดตามและวัดผล” เพราะสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่า อีเมลที่ส่งไปนั้นถึงมือผู้รับเป็นจำนวนกี่ฉบับ มีผู้เปิดดูเป็นจำนวนเท่าไร และมียอดคลิกลิงก์ในแต่ละอีเมลนั้นเป็นจำนวนกี่ครั้ง ซึ่งถ้ามันมีผลตอบรับที่ไม่ตรงตามใจลูกค้าเราก็สามารถทำการทดลอง ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว