แนวทางนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ Microsoft จะนำเทคโนโลยีของ Adobe มาผนวกไว้ในซอฟต์แวร์ของตัวเอง อาทิ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดการเอกสารอัตโนมัติ ที่ได้เคยนำมาผนวกไว้ใน Microsoft 365, Teams และ SharePoint แล้ว
แจเรด สปาทาโร (Jared Spataro) รองประธานฝ่ายแอปพลิเคชันทำงานและธุรกิจสมัยใหม่ของ Microsoft บอกว่าการนำเทคโนโลยีของ Adobe มาไว้ใน Edge จะช่วยให้ลูกค้าทำงานได้ง่าย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากขึ้น
ฟังก์ชันใหม่จะเปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้งาน Windows 10 และ Windows 11 เว้นแต่ว่าผู้ใช้ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงกว่านี้ อย่างการแก้ไขข้อความและรูปภาพ การแปลง PDF เป็นไฟล์ประเภทอื่น หรือ การรวมไฟล์ ก็จะต้องเสียเงินรายเดือน
โดยผู้ที่เสียค่าบริการรายเดือนของ Acrobat อยู่แล้ว จะสามารถใช้ฟีเจอร์เหล่านี้บน Edge ได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเติม
ทั้งนี้ Microsoft ยังได้นำเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่าง PartitionAlloc, Fuzzing และ Control Flow Enforcement มาใช้เพิ่มความปลอดภัยให้กับ Adobe บน Edge ด้วย
นอกจากนี้ Microsoft ยังจะบรรจุเอนจิน Acrobat ไว้ในโครงการล่าบั๊กเพื่อให้เหล่านักพัฒนามาร่วมหาและรายงานช่องโหว่ที่มีในเอนจิน
ที่มา: https://blog.adobe.com/