ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เทคโนโลยี Generative AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถในการช่วยผู้ใช้สร้างเนื้อหาที่มีความคิดสร้างสรรค์และเป็นต้นฉบับ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความสามารถในการทำงานให้สูงขึ้น จากการรายงานของนักวิเคราะห์ชั้นนำใน LinkedIn ระบุว่า Generative AI สามารถช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้ถึง 300 พันล้านชั่วโมงต่อปี
อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ในการสร้างเนื้อหานั้นได้รับการตอบรับที่หลากหลาย โดยเฉพาะในวงการศิลปะที่ตั้งคำถามถึงความเป็นเอกลักษณ์ของผลงานที่ผลิตโดย AI เนื่องจาก AI นั้นสร้างผลลัพธ์โดยอิงจากเนื้อหาที่มีอยู่แล้วและโมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้อาจดูน่าทึ่งและมีคุณภาพสูง แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ์ในผลงานเดิม การใช้ Generative AI ในธุรกิจจึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในเรื่องของคุณภาพของเนื้อหา ความเป็นเอกลักษณ์ และผลกระทบต่อวงการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระยะยาว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความคิดสร้างสรรค์และอาชีพของผู้สร้างสรรค์งาน
Generative AI คืออะไร และทำงานอย่างไร?
Generative AI เป็นปัญญาประดิษฐ์ประเภทหนึ่งที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาต่างๆ เช่น ศิลปะ ดนตรี ข้อความ วิดีโอ โค้ด และเนื้อหาอื่นๆ ผ่านโมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยการทำงานของ AI ขึ้นอยู่กับคำสั่งหรือคำถาม (prompts) ที่ผู้ใช้กำหนดไว้ จากนั้น AI จะสร้างผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
การทำงานของ Generative AI อาศัยข้อมูลที่ถูกฝึกฝนเพื่อสร้างฐานความรู้ และปรับผลลัพธ์ตามอินพุตที่ผู้ใช้ป้อนมา ซึ่งทำให้ AI สามารถสร้างเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดทรัพยากร ประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้พนักงานสามารถใช้เวลาในการทำงานที่มีความสำคัญสูงอื่นๆ ได้มากขึ้น
ข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้ Generative AI
เนื่องจาก Generative AI ใช้โมเดลที่ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลในการสร้างผลลัพธ์ ข้อกังวลหลักเกี่ยวกับการใช้งานคือเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ ความรับผิดชอบในส่วนนี้อยู่ที่นักพัฒนา เนื่องจากต้องใช้ข้อมูลในการฝึกและปรับแต่งโมเดล AI โดยไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญหรือทรัพย์สินทางปัญญาขององค์กรหรือของลูกค้า
แม้ AI จะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเท็จและการปลอมแปลง (deep fakes) ที่แพร่กระจายอยู่ในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวง เนื่องจากการบิดเบือนข้อมูลสามารถทำลายชื่อเสียงและส่งผลต่อความคิดเห็นของสาธารณชนในวงกว้าง
การใช้ประโยชน์จาก Generative AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในธุรกิจของคุณ
Generative AI เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจเมื่อใช้อย่างถูกวิธี หนึ่งในข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดคือการสร้างเนื้อหาตามความต้องการ ช่วยให้การจัดการเวลาและประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับพนักงานในสายงานที่ไม่ใช่ด้านเทคนิค เช่น การตลาด การขาย และการจัดการเนื้อหา
การนำ Generative AI มาใช้ในธุรกิจช่วยลดภาระงานซ้ำๆ ทำให้ทีมงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีความสำคัญมากขึ้น เช่น การวางกลยุทธ์ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างเนื้อหาด้วยตนเอง
การสนับสนุนลูกค้าและการตลาดด้วย Generative AI
Generative AI สามารถมีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นงานขาย การตลาด หรือการสนับสนุนลูกค้า ทีมงานสามารถนำแชทบอทมาใช้เพื่อตอบโต้และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ตลอดจนการดูแลลูกค้าที่มีแนวโน้มสนใจในสินค้าและบริการ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างเนื้อหาการตลาดสำหรับเว็บไซต์ บล็อก และโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงแค่นั้น AI ยังสามารถออกแบบแคมเปญการตลาด การนำเสนอขาย รวมถึงสร้างภาพและวิดีโอสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ช่วยให้ธุรกิจมีเครื่องมือในการทำการตลาดและสนับสนุนลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
การวิศวกรรมซอฟต์แวร์ด้วย Generative AI
นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถใช้ Generative AI ในการวิเคราะห์ตัวอย่างโค้ดที่มีอยู่และปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างมาก นอกจากนี้ AI ยังสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว ทำความเข้าใจกับความต้องการในอนาคต และช่วยในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
การใช้ AI ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถปรับปรุงโค้ด ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยไม่ต้องเสียเวลาทำงานซ้ำๆ
วิทยาศาสตร์และการวิจัยด้วย Generative AI
หากใช้อย่างมีประสิทธิภาพ Generative AI สามารถสร้างคุณประโยชน์อย่างมหาศาลต่อวงการวิทยาศาสตร์และการวิจัย AI สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์โมเดลปัจจุบัน ทำความเข้าใจประวัติของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านมา และค้นหาวิธีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
AI ยังช่วยปรับปรุงงานวิจัยอย่างมากผ่านการรวบรวมและสรุปข้อมูลจำนวนมหาศาล ทำให้นักวิจัยสามารถค้นพบแนวทางใหม่ๆ ในการพัฒนาและนวัตกรรม ทำให้งานวิจัยมีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย Generative AI
เนื่องจาก Generative AI ถูกพัฒนาขึ้นจากการฝึกฝนและปรับแต่งโมเดล AI จึงมีประสิทธิภาพในการตรวจจับความผิดปกติ AI สามารถนำมาใช้ในการระบุภัยคุกคามและพฤติกรรมที่ผิดปกติ อีกทั้งยังช่วยลดช่องโหว่และจัดการกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง AI ช่วยให้ระบบมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยสามารถคาดการณ์และป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ก่อนที่จะเกิดขึ้น
Zoho Cliq ใช้ Generative AI อย่างไร
ที่ Zoho Cliq เราได้ผสาน Generative AI เข้ากับโมดูลต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถสร้างสรุปข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน รวมถึงรับบันทึกการประชุมและสรุปการประชุมเพียงคลิกเดียว ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
นอกจากนี้ ด้วยส่วนขยาย ChatGPT สำหรับ Zoho Cliq ผู้ใช้สามารถสร้างภาพจากคำบรรยาย สร้างโครงร่างสำหรับบล็อก หรือสอบถามคำถามต่างๆ และรับคำตอบตามที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย ในการอัปเดตครั้งต่อไป เราจะเพิ่มองค์ประกอบ Generative AI เข้าไปในโมดูลอื่นๆ เพื่อให้การทำงานง่ายและราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ที่มา zoho